ตำนานเพลงภูกระดึง
ตำนานเพลงภูกระดึง คนไทยเริ่มเดินเท้าขึ้นภูกระดึงมาตั้งแต่ก่อนปี 2500 คงไม่แปลอะไรที่มีทั้งงานเขียน บทกกวี และบทเพลงมากมายเล่าขานถึงธรรมชาติงดงามเหนือยอดภูผาแห่งนี้ หนึ่งในเพลงที่เล่าขานเรื่องราว คือเพลง “ภูกระดึง” ของ วงสุนทราภรณ์ ที่เป็นวงดนตรีอันดับหนึ่งแบบชนิดไม่มีคู่แข่งของเมืองไทยในยุคนั้น เดี๋ยวนี้คงหาโอกาสฟังได้ยาก แต่ในบางครั้งบางคราวทางอุทยานแห่งชาติภูกระดึงจะนำเพลงนี้มาเปิดผ่านเครื่องกระจายเสียงก่อนประกาศข่าวแจ้งนักท่องเที่ยว
ต่อไปนี้คือเนื้อเพลงครับ ภาษาคลาสสิคแบบนี้สะท้อนยุคเก่าก่อนที่ไม่มีเพลงเขียนด้วยสไตล์นี้อีกแล้ว หรือบางที อาจรวมถึง ภูกระดึงในอดีตที่เคยสมบูรณ์ไปด้วยความงามของธรรมชาติยิ่งกว่าในปัจจุบัน
อย่างคำว่า “สระอโนดาต” ที่กลายมาเป็นชื่อสระน้ำใสบนยอดภูกระดึง ก็มาจากคติอินเดีย ที่พูดถึง ป่าหิมพานต์ที่มีสระอยู่ 7 สระ คือ สระอโนดาต มันทากินี กุณาล สหัปปดาต กัณมุณฑ์ รดาการ ฉัททันต์ ส่วนลานหินใกล้ ๆ สระอโนดาต บนยอดภูกระดึง สมัยก่อนก็เรียกกันว่า “ลานกินรี” ให้สอดคล้องกับชื่อสระอโนดาต ที่มีตัวกินรีออกมาเริงร่ายเล่นน้ำ แต่สมัยนี้ชื่อนี้ดูเหมือนจะหายไปจากแผนที่ของภูกระดึงแล้วครับ
ภูกระดึง
คำร้อง- แก้ว อัฉริยะกุล
ทำนอง- เอื้อ สุนทรสนาน
ผู้ร้อง - มัณฑนา โมรากุล
เขาภูกระดึงเสน่ห์ตรึงใจจริง
สัณฐานเหมือนดังกระดิ่งทับหล้า
สูงล้ำดั่งค้ำนภา
สูงลิ่วทิวทัศน์ตื่นตาสวยกว่าเทวาสรรค์สร้าง
หนทางขึ้นลงไม่เรียบแต่ชวนเพลิน
เห็นเนินซ้อนเนินลดหลั่นสล้าง
น้ำใสตกไหลเป็นทาง
ไหลพุ่งจากสูงสุดทางไหลหลั่งพื้นล่างสุธา
สระอโนดาตดาษน้ำธาร
น้ำใสตระการปานแก้วแววตา
ริมธารละลานไปด้วยบุปผา
ดอกแดงกุหลาบพนาประดับลัดดากล้วยไม้ไพร
หนาวเย็นด้วยลมอากาศชื่นชมดี
ทุกยามนาทีลมโบกพัดให้
เหมือนแม้นสวรรค์ชาวไทย
ทุกสิ่งยวนเย้าหทัยโน้มจิตโน้มใจสุดฝืน
เสียงภูแว่วดังชวนชื่นดั่งฟังเพลง
เหมือนลมบรรเลงเป็นเพลงรักชื่น
หวิวหวิวพร่างพลิ้ววันคืน
เหมือนกล่อมและย้อมจิตชื่นระรื่นด้วยลมพลิ้วพร่าง
สนยามต้องลมโอนอ่อนเอนลมปลิว
สนยืนเป็นทิวแลลิ่วสล้าง
หงส์เหินสุดเหินเนินทาง
ทุกสิ่งดูสวยสะอางทุกแห่งทุกทางตื่นตา
เมื่อขึ้นสุดเหนื่อยเมื่อยล้ากาย
ครั้นถึงก็คลายหายเหนื่อยเมื่อยล้า
ผิวหญิงเมื่อขึ้นถึงยอดภูผา
แก้มแดงผิวตึงซึ้งตา เนื้อเต่งโสภาผ่องโสพรรณ
ทุกคนได้ยลขออยู่ไปจนตาย
เพราะความสบายยอมตายที่นั่น
โสฬสฟากฟ้าลาวัณย์
สามโลกไม่แม้นเทียบทันเหมือนหนึ่งสวรรค์นั่นเอย
ต่อไปนี้คือเนื้อเพลงครับ ภาษาคลาสสิคแบบนี้สะท้อนยุคเก่าก่อนที่ไม่มีเพลงเขียนด้วยสไตล์นี้อีกแล้ว หรือบางที อาจรวมถึง ภูกระดึงในอดีตที่เคยสมบูรณ์ไปด้วยความงามของธรรมชาติยิ่งกว่าในปัจจุบัน
อย่างคำว่า “สระอโนดาต” ที่กลายมาเป็นชื่อสระน้ำใสบนยอดภูกระดึง ก็มาจากคติอินเดีย ที่พูดถึง ป่าหิมพานต์ที่มีสระอยู่ 7 สระ คือ สระอโนดาต มันทากินี กุณาล สหัปปดาต กัณมุณฑ์ รดาการ ฉัททันต์ ส่วนลานหินใกล้ ๆ สระอโนดาต บนยอดภูกระดึง สมัยก่อนก็เรียกกันว่า “ลานกินรี” ให้สอดคล้องกับชื่อสระอโนดาต ที่มีตัวกินรีออกมาเริงร่ายเล่นน้ำ แต่สมัยนี้ชื่อนี้ดูเหมือนจะหายไปจากแผนที่ของภูกระดึงแล้วครับ
ภูกระดึง
คำร้อง- แก้ว อัฉริยะกุล
ทำนอง- เอื้อ สุนทรสนาน
ผู้ร้อง - มัณฑนา โมรากุล
เขาภูกระดึงเสน่ห์ตรึงใจจริง
สัณฐานเหมือนดังกระดิ่งทับหล้า
สูงล้ำดั่งค้ำนภา
สูงลิ่วทิวทัศน์ตื่นตาสวยกว่าเทวาสรรค์สร้าง
หนทางขึ้นลงไม่เรียบแต่ชวนเพลิน
เห็นเนินซ้อนเนินลดหลั่นสล้าง
น้ำใสตกไหลเป็นทาง
ไหลพุ่งจากสูงสุดทางไหลหลั่งพื้นล่างสุธา
สระอโนดาตดาษน้ำธาร
น้ำใสตระการปานแก้วแววตา
ริมธารละลานไปด้วยบุปผา
ดอกแดงกุหลาบพนาประดับลัดดากล้วยไม้ไพร
หนาวเย็นด้วยลมอากาศชื่นชมดี
ทุกยามนาทีลมโบกพัดให้
เหมือนแม้นสวรรค์ชาวไทย
ทุกสิ่งยวนเย้าหทัยโน้มจิตโน้มใจสุดฝืน
เสียงภูแว่วดังชวนชื่นดั่งฟังเพลง
เหมือนลมบรรเลงเป็นเพลงรักชื่น
หวิวหวิวพร่างพลิ้ววันคืน
เหมือนกล่อมและย้อมจิตชื่นระรื่นด้วยลมพลิ้วพร่าง
สนยามต้องลมโอนอ่อนเอนลมปลิว
สนยืนเป็นทิวแลลิ่วสล้าง
หงส์เหินสุดเหินเนินทาง
ทุกสิ่งดูสวยสะอางทุกแห่งทุกทางตื่นตา
เมื่อขึ้นสุดเหนื่อยเมื่อยล้ากาย
ครั้นถึงก็คลายหายเหนื่อยเมื่อยล้า
ผิวหญิงเมื่อขึ้นถึงยอดภูผา
แก้มแดงผิวตึงซึ้งตา เนื้อเต่งโสภาผ่องโสพรรณ
ทุกคนได้ยลขออยู่ไปจนตาย
เพราะความสบายยอมตายที่นั่น
โสฬสฟากฟ้าลาวัณย์
สามโลกไม่แม้นเทียบทันเหมือนหนึ่งสวรรค์นั่นเอย